เราต่างรู้กันดีนะครับว่าการแบ็กอัปข้อมูลนั้นสำคัญขนาดไหน โดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินงาน แต่การสำรองข้อมูลปกติที่จะสำรองกันภายในเซิร์ฟเวอร์หรือภายในองค์กรเองอาจจะไม่ปลอดภัยเสมอไปแล้ว เพราะถ้าเกิดเหตุร้ายที่มีความเสียหายในวงกว้าง ข้อมูลที่เราสำรองเอาไว้ในบริเวณเดียวกันก็จะอันตรธานหายไปด้วย จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เราควรใช้บริการ Cloud Backup ครับ
บริการแบ็กอัปด้วยระบบคลาวด์นั้นมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ
- BaaS หรือ Backup as a Service
- DRaaS หรือ Disaster Recovery as a Service
โดย BaaS เป็นบริการคลาวด์เซิร์ฟเวอร์รูปแบบหนึ่ง เพื่อสำรองข้อมูลผ่านเครือข่ายออกมาเก็บภายในระบบของผู้ให้บริการภายนอก ซึ่งข้อดีของการแบ็กอัปข้อมูลผ่านคลาวด์นั้นนอกจากผู้ใช้บริการจะไม่ต้องลงทุนกับระบบสำรองข้อมูลด้วยตัวเองแล้ว ยังนำข้อดีของคลาวด์คือการปรับเพิ่มหรือลดสเปกตามความต้องการได้ทันที ไม่ต้องเอาเงินไปจมกับระบบขั้นเทพที่ไม่รู้จะได้ใช้เต็มประสิทธิภาพเมื่อไหร่
การทำงานแบบ BaaS (ภาพจาก cloudberrylab.com)
ส่วน DRaaS หรือ Disaster Recovery as a Service นั้นจะมีการสำรองข้อมูลเต็มรูปแบบ พร้อมทำงานทดแทนอุปกรณ์ที่เสียหายทันทีเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น ไม่ต้องรอเซ็ตอัปอุปกรณ์เพื่อทำงานทดแทน เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความเสถียรของข้อมูลมากขึ้น
สรุปความแตกต่างระหว่าง BaaS และ DRaaS
การทำงานแบบ DRaaS (ภาพจาก cloudberrylab.com)
- BaaS สำรองแค่ข้อมูลเท่านั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นผู้ใช้บริการต้องจัดหาอุปกรณ์ทดแทนมาทำงานต่อเอง แล้วจึงดึงข้อมูลจาก Cloud Server กลับมา แน่นอนว่าทางเลือกนี้ถูกกว่า DRaaS ก็เหมาะสำหรับงานที่ไม่ใช่แกนสำคัญขององค์กรที่ให้เวลาเพื่อแก้ไขได้ หรือเหมาะสำหรับองค์กรที่ระบบไม่ซับซ้อน สามารถซ่อมแซมระบบได้รวดเร็ว
- DRaaS นอกจากสำรองข้อมูลแล้ว ยังสามารถทำงานทดแทนระบบหลักได้ทันทีเมื่อเกิดความเสียหาย เหมาะสำหรับใช้สำรองระบบหลักขององค์กรที่ต้องทำงานตลอดเวลา หรือสำหรับองค์กรที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านความเสียหายโดยเฉพาะ การนำงานส่วนนี้ออกมาให้บริษัทที่มีทีมวิศวกรดูแลโดยเฉพาะจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า
ข้อมูลจาก cloudberrylab.com